"วิตามินดี" (Vitamin D) มีดีอย่างไร
วิตามิน คือ สารอินทรีย์ที่มีความสำคัญต่อการทำงานตามปกติของร่างกาย โดยวิตามินแต่ละชนิดมีบทบาทหน้าที่ในร่างกายที่แตกต่างกันไป วิตามินดีเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่าวิตามินดีมีความสัมพันธ์กับโรคข้อเสื่อม ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไรนั้น บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยของคุณ
หน้าที่ของวิตามินดี
วิตามินดี เป็นวิตามินที่ช่วยควบคุมสมดุลของแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย จำเป็นต่อร่างกายเพื่อให้กระดูก และฟันมีความแข็งแรง นอกจากนี้วิตามินดียังเป็นหนึ่งในสารที่ทำหน้าที่ในกระบวนการฟื้นฟูทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในระดับเซลล์ของร่างกาย มีส่วนควบคุมการสร้างเซลล์ใหม่ การกำหนดชนิดของเซลล์สร้างใหม่ การอักเสบ และการตายของเซลล์ในกระดูก ซึ่งมีความสัมพันธ์ในการป้องกันการดำเนินไปของโรคข้อเสื่อม ภาวะพร่องวิตามินดีในผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดการอักเสบในข้อ ปวดข้อ มีความเสื่อมของข้อจากภาพเอกซเรย์ และเร่งการเกิดข้อเข่าเสื่อมที่มีความรุนแรงมากขึ้น
วิตามินดีช่วยป้องกันการเกิดข้อเสื่อมได้อย่างไร
จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมที่ไม่ได้รับการรักษาโดยการผ่าตัด หลังจากรับประทานวิตามินดีนาน 2 ปี สามารถขยับเคลื่อนไหวข้อได้ดีมากขึ้นและมีอาการปวดเข่าลดลงเมื่อเทียบกับคนที่กินยาหลอก
วิตามินดีมีกี่ประเภท และหาได้จากแหล่งใดบ้าง
วิตามินดีแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- Vitamin D2 (Ergocalciferol) หรือ วิตามินดี 2 พบในยีสต์ เห็ด และพืช
- Vitamin D3 (Cholecalciferol) หรือ วิตามินดี 3 พบในเซลล์ของคนและสัตว์ได้รับจากการสังเคราะห์จากแสงแดดอ่อนๆ ผ่านทางผิวหนังและพบในเนื้อสัตว์และอาหาร เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล เนื้อวัว ตับ ไข่แดง เป็นต้น
ปริมาณวิตามินดีที่คนไทยควรได้รับต่อวัน
ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจําวันสําหรับคนไทย พ.ศ. 2563 กำหนดปริมาณวิตามินดีที่คนไทยวัยต่างๆ ควรได้รับประจำวัน ได้แก่
- อายุต่ำกว่า 12 เดือน ควรได้รับวิตามินดีวันละ 400 IU (10 ไมโครกรัม)
- อายุต่ำกว่า 70 ปี ควรได้รับวิตามินดีวันละ 600 IU (15 ไมโครกรัม)
- อายุมากกว่า 70 ปี ควรได้รับวิตามินดีวันละ 800 IU (20 ไมโครกรัม)
- ผู้หญิงที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ ควรได้รับวิตามินดี วันละ 400 ถึง 600 IU (10 ถึง 15 ไมโครกรัม)
- สตรีตั้งครรภ์ในกลุ่มความเสี่ยงสูง ควรได้รับวิตามินดี วันละ 2,000 ถึง 4,000 IU (50 ถึง 100 ไมโครกรัม)
หากคุณกำลังมองหาวิตามินที่ช่วยชะลอความเสื่อมของข้อ การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินดีในปริมาณที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับข้อเข่าและร่างกายของคุณ อย่างไรก็ตามนอกจากการรับประทานวิตามินดีอย่างเพียงพอแล้ว ควรออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อและเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเสื่อมที่รุนแรงมากขึ้น
WeNature
Your Daily Dose of Vitality
วันดี ๆ มีได้ทุกวันด้วยวีเนเจอร์
เอกสารอ้างอิง
1. ZhiQiang Wang, Zhaohua Zhu, Feng Pan, Shuang Zheng, Venkat Parameswaran, Leigh Blizzard, Changhai Ding and Benny Antony. Long-Term Effects of Vitamin D Supplementation and Maintaining Sufficient Vitamin D on Knee Osteoarthritis Over 5 Years. Arthritis Research & Therapy 2023(25): 178.
2. Wacharapol saengsiwaritt, Patchana Ngamtipakon, Wanvisa Udomsinprasert. Vitamin D and Autophagy in Knee Osteoarthritis: A Review. International Immunopharmacology 2023(123): 110712.
3. คณะกรรมการและคณะทำงานปรับปรุงข้อกำหนดสารอาหารที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย. ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจําวันสําหรับคนไทย. 2563
4. Vitamin D. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567. จาก: https://www.nhs.uk/conditions/vitamins-and-minerals/vitamin-d/
5. Institute of Medicine (US) Committee to Review Dietary Reference Intakes for Vitamin D and Calcium; Ross AC, Taylor CL, Yaktine AL, et al., editors. Dietary Reference Intakes for Calcium and Vitamin D. Washington (DC): National Academies Press (US); 2011. 3, Overview of Vitamin D. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567. จาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK56061/