โรคข้อเสื่อม ใกล้ตัวกว่าที่คิด
อัพเดทล่าสุด: 19 มี.ค. 2025
164 ผู้เข้าชม

โรคข้อเสื่อม หรือ osteoarthritis
เป็นโรคข้ออักเสบที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากบริเวณหนึ่งของผิวกระดูกอ่อนในข้อมีการสึกกร่อน เกิดความเสียหายในบางพื้นที่ ต่อมาจะกระจายไปทั่วทั้งผิวกระดูกอ่อน และจะเกิดแรงกดต่อเนื้อกระดูกด้านล่างผิวกระดูกอ่อน ทำให้ร่างกายพยายามซ่อมแซมผิวกระดูกอ่อนของข้อ โดยเซลล์กระดูกอ่อนจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไทพ์ทู (collagen type II) และโปรตีโอไกลแคน (proteoglycan) เมื่อเวลาผ่านไปเซลล์กระดูกอ่อนจะมีจำนวนลดลงหรือตายไป ส่งผลให้เกิดสารอนุมูลอิสระและสารอักเสบในข้อซึ่งเร่งการตายของเซลล์กระดูกอ่อนเพิ่มขึ้น เกิดการเสื่อมสภาพเรื้อรังของกระดูกอ่อนผิวข้อ เนื้อกระดูกข้างเคียง เอ็น แคปซูลหุ้มข้อ น้ำในข้อ และกล้ามเนื้อรอบข้อ นำไปสู่ความเจ็บปวด การเคลื่อนไหวข้อที่ผิดปกติ และกระทบต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เป็นภาวะที่พบได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป และพบอุบัติการณ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุ

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับการเกิดโรคข้อเสื่อม
โรคข้อเสื่อมเกิดจากหลายปัจจัย โดยอาจเกิดจากปัจจัยที่สามารถปรับแก้ไขได้หรือไม่สามารถปรับแก้ไขได้ แบ่งออกเป็น ปัจจัยภายใน เช่น เพศ พันธุกรรม อายุ น้ำหนักตัว และ ปัจจัยภายนอก เช่น อาชีพ อุบัติเหตุ โดยปัจจัยที่สามารถปรับแก้ไขได้ ได้แก่
1. น้ำหนัก
ผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 23 ควรลดน้ำหนักลงให้อยู่ในระดับใกล้เคียงมาตรฐาน หรือ อย่างน้อยร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักเดิมขณะที่มีอาการปวดข้อ เนื่องจากน้ำหนักที่มากส่งผลให้กระดูกข้อต่อรองรับน้ำหนักมากเกินไป โดยจากการศึกษาพบว่าการลดน้ำหนักลงจากภาวะน้ำหนักเกิน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 23) และภาวะอ้วน(ดัชนีมวลกายมากกว่า 25) ให้กลับมามีน้ำหนักมาตรฐานสามารถลดอาการข้อเข่าเสื่อมได้ร้อยละ 21 ในเพศชาย และร้อยละ 33 ในเพศหญิง
หากมีลูกหลานในบ้านที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ควรให้เด็กมีกิจกรรมออกกำลังกาย เล่นกีฬา และเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยให้พลังงานที่เหมาะสมต่อวัย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเสื่อมในอนาคต เนื่องจากเด็กหรือวัยรุ่นที่มีโรคอ้วนจะมีโอกาสเกิดโรคอ้วนในผู้ใหญ่เพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่อ้วน
โรคข้อเสื่อมเกิดจากหลายปัจจัย โดยอาจเกิดจากปัจจัยที่สามารถปรับแก้ไขได้หรือไม่สามารถปรับแก้ไขได้ แบ่งออกเป็น ปัจจัยภายใน เช่น เพศ พันธุกรรม อายุ น้ำหนักตัว และ ปัจจัยภายนอก เช่น อาชีพ อุบัติเหตุ โดยปัจจัยที่สามารถปรับแก้ไขได้ ได้แก่
1. น้ำหนัก
ผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 23 ควรลดน้ำหนักลงให้อยู่ในระดับใกล้เคียงมาตรฐาน หรือ อย่างน้อยร้อยละ 5-10 ของน้ำหนักเดิมขณะที่มีอาการปวดข้อ เนื่องจากน้ำหนักที่มากส่งผลให้กระดูกข้อต่อรองรับน้ำหนักมากเกินไป โดยจากการศึกษาพบว่าการลดน้ำหนักลงจากภาวะน้ำหนักเกิน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 23) และภาวะอ้วน(ดัชนีมวลกายมากกว่า 25) ให้กลับมามีน้ำหนักมาตรฐานสามารถลดอาการข้อเข่าเสื่อมได้ร้อยละ 21 ในเพศชาย และร้อยละ 33 ในเพศหญิง
หากมีลูกหลานในบ้านที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ควรให้เด็กมีกิจกรรมออกกำลังกาย เล่นกีฬา และเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยให้พลังงานที่เหมาะสมต่อวัย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเสื่อมในอนาคต เนื่องจากเด็กหรือวัยรุ่นที่มีโรคอ้วนจะมีโอกาสเกิดโรคอ้วนในผู้ใหญ่เพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่อ้วน

2. อุบัติเหตุ
จากการศึกษาพบว่าอุบัติเหตุจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเข่าเสื่อมมากถึง 6 เท่า โดยกลุ่มอายุที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุต่อข้อเข่ามากที่สุดคือ 15 ถึง 35 ปี การป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นต่อข้อจึงเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันการเกิดโรคข้อเสื่อม ซึ่งมีหลักฐานสนับสนุนว่าการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยรอบสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเข่าและข้อเท้าที่เกิดจากการเล่นกีฬาได้ในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อมวลกล้ามเนื้อที่ลดลง โดยคนที่อายุมากกว่า 30 ปี จะมีมวลกล้ามเนื้อลดลงร้อยละ 1 ต่อปี ส่งผลให้กล้ามเนื้อโดยรอบข้อน้อยลง เมื่อเกิดอุบัติเหตุอาจทำให้ข้อได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงได้
จากการศึกษาพบว่าอุบัติเหตุจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเข่าเสื่อมมากถึง 6 เท่า โดยกลุ่มอายุที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุต่อข้อเข่ามากที่สุดคือ 15 ถึง 35 ปี การป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นต่อข้อจึงเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันการเกิดโรคข้อเสื่อม ซึ่งมีหลักฐานสนับสนุนว่าการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยรอบสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเข่าและข้อเท้าที่เกิดจากการเล่นกีฬาได้ในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อมวลกล้ามเนื้อที่ลดลง โดยคนที่อายุมากกว่า 30 ปี จะมีมวลกล้ามเนื้อลดลงร้อยละ 1 ต่อปี ส่งผลให้กล้ามเนื้อโดยรอบข้อน้อยลง เมื่อเกิดอุบัติเหตุอาจทำให้ข้อได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงได้

แม้ว่าโรคข้อเสื่อมจะมีปัจจัยเสี่ยงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งอาจทำให้หลายคนกังวลเพราะเมื่อเกิดข้อเสื่อมแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดหรือกลับสู่สภาพเดิม และอาจมีความรุนแรงมากขึ้นได้ การชะลอความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคจึงมีความสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดโรคข้อเสื่อมที่มีความรุนแรง การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการลดน้ำหนัก ก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้กันนะคะ
WeNature
Your Daily Dose of Vitality
วันดี ๆ มีได้ทุกวันด้วยวีเนเจอร์
เอกสารอ้างอิง
1. J.L. Whittaker, J.Runhaar, S. Bierma-Zeinstra, E.M. Roos. A Lifespan Approach to Osteoarthritis Prevention. Osteoarthritis and Cartilage 2021(29): 1638-1653.
2. Jos Runhaar, Sita M.A. Bierma-Zeinstra. The Challenges in The Primary Prevention of Osteoarthgritis. Clin Geriatr Med 2022(38): 259-271.
3. Wacharapol saengsiwaritt, Patchana Ngamtipakon, Wanvisa Udomsinprasert. Vitamin D and Autophagy in Knee Osteoarthritis: A Review. International Immunopharmacology 2023(123): 110712.
1. J.L. Whittaker, J.Runhaar, S. Bierma-Zeinstra, E.M. Roos. A Lifespan Approach to Osteoarthritis Prevention. Osteoarthritis and Cartilage 2021(29): 1638-1653.
2. Jos Runhaar, Sita M.A. Bierma-Zeinstra. The Challenges in The Primary Prevention of Osteoarthgritis. Clin Geriatr Med 2022(38): 259-271.
3. Wacharapol saengsiwaritt, Patchana Ngamtipakon, Wanvisa Udomsinprasert. Vitamin D and Autophagy in Knee Osteoarthritis: A Review. International Immunopharmacology 2023(123): 110712.
บทความที่เกี่ยวข้อง